XAM Daily Xpresso / 3 เมษายน 2025




XAM Shot

  • “สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทุกประเทศขั้นต่ำ 10% ส่งแรงกระเพื่อมถึงตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ผันผวนและปรับตัวลดลงทั่วหน้า”

Things you need to know

  • 1. “ทรัมป์ประกาศกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากทุกประเทศขั้นต่ำ 10% - จีน กัมพูชา และเวียดนามโดนหนักสุด” เมื่อเช้านี้ตามเวลาในประเทศไทย ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ แถลงต่อสื่อมวลชนว่าจะตั้งกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศขั้นต่ำ 10% และจะเพิ่มกำแพงภาษีเพิ่มเติมสำหรับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลเป็นอันดับต้นๆ โดยจีนจะโดนภาษี 34% เพิ่มเติมจาก 20% ที่เคยเก็บมาก่อนแล้ว ทำให้จีนถูกเรียกเก็บสูงถึง 54% ส่วนรองลงมาเป็นกัมพูชาที่ 49% และเวียดนามที่ 46% ด้านประเทศไทยโดนเรียกเก็บที่อัตราภาษี 36% นับว่าอยู่ในกลุ่มที่โดนเรียกเก็บภาษีสูงกว่าคนอื่นเช่นกัน ส่วนสหภาพยุโรปโดนที่ 20%, ญี่ปุ่น 24%, เกาหลีใต้ 25%, อินเดีย 26% และไต้หวัน 32% โดยไม่นับประเทศที่โดนกำแพงภาษีสูงกว่าแต่ไม่มีการส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนาในแถบแอฟริกาเป็นหลัก นอกจากนี้เหล็กและอะลูมิเนียมจะไม่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีครั้งนี้ โดยใช้อัตราเรียกเก็บ 25% ก่อนหน้า ทั้งหมดมีผลบังคับใช้เที่ยงคืนวันเสาร์ตามเวลาในสหรัฐฯ
  • 2. “กำแพงภาษีสะเทือนตลาดหุ้น” แม้เมื่อคืนนี้ดัชนี S&P 500 จะปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.67% ไปอยู่ที่ 5,670.97 จุด แต่หลังจากทรัมป์แถลงข่าวเสร็จสิ้น ทำให้ดัชนี S&P 500 ที่ซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (futures) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยงวดส่งมอบเดือนมิถุนายนปรับตัวลดลง -3.00% ไปอยู่ที่ 5,538.00 จุดโดยประมาณเมื่อเช้านี้ ด้านดัชนีหุ้นญี่ปุ่น TOPIX ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเช่นกัน โดย -3.18% ไปอยู่ที่ 2,566.06 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วที่ 1.1% ไปอยู่ที่ 147.69 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าค่าเงินเยนจะเป็นหลุมหลบภัย (safe heaven) ทำให้เกิดการซื้อค่าเงินเยนจำนวนมาก
  • 3. “จีนสั่งการให้หน่วยงานรัฐชะลอการอนุมัติการลงทุนของบริษัทจีนในสหรัฐฯ” มาตรการดังกล่าวเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ โดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรวมถึงคณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปประเทศของจีน (NDRC) ที่มีอำนาจในการอนุมัติการลงทุนต่างประเทศของจีนจะชะลอการอนุมัติการลงทุนในสหรัฐฯ ของบริษัทในประเทศโดยไม่กระทบกับโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทจีนที่ไปลงทุนในสหรัฐฯ ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ โดยข้อมูลในปี 2023 พบว่าการลงทุนคิดเป็นอัตราส่วนเพียง 2.8% ของการลงทุนทั้งหมด
  • 4. “อัตราดอกเบี้ยผันผวนอย่างหนัก หลังตลาดประเมินสงครามการค้าจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว” โดยอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเมื่อคืนนี้อยู่ที่ 4.127% ก่อนจะเปิดตลาดเมื่อเช้านี้ถูกกดลงเหลือราว 4.051% ลดลงราว 14.4 bps คิดเป็น -3.43% หลังจากนักลงทุนแห่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำอย่างเช่นพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ ด้านตลาดประเมินว่า FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้อยู่ที่ 3 ครั้งหลังจากการประกาศกำแพงภาษีดังกล่าว

Daily Trend

  • “Stagflation, Inflation in US, Everywhere Else Deflation” สถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีต้นทุนนำเข้า และเพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่สถานการณ์ Stagflation หรือเงินเฟ้อสูงการเติบโตต่ำ การลดดอกเบี้ยลงของ FED จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะการควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ 2% ทำให้สินทรัพย์สหรัฐฯ ในฝั่งตราสารหนี้จะได้รับผลลบมากกว่าผลดีในสถานการณ์เช่นนี้ ขณะที่กลุ่มประเทศอื่นที่เงินเฟ้อลงเร็ว จะเปิดช่องให้ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีมากขึ้น โดยไม่ต้องเสี่ยงกับสถานการณ์ลดดอกเบี้ยแล้วเงินเฟ้อจะสูงยาวนานแบบสหรัฐฯ
  • “ปัจจัยที่ต้องติดตาม” Caixin Non-Manufacturing PMI ของจีน ตลาดคาด 51.5 หน่วย, ISM Services PMI สหรัฐฯ ตลาดคาด 53 หน่วย

XSpring AM