Things you need to know
- 1. “หุ้นสหรัฐฯ เริ่มขึ้นช้า แม้มีข่าวดีจากกำแพงภาษี” เมื่อคืนนี้ดัชนี S&P 500 ปิดปรับตัว ไปอยู่ที่ 6,309.62 จุด เพิ่มขึ้นเพียง 0.06% โดยปัจจัยผลประกอบการยังคงผลักดันดัชนีเป็นบวกอยู่ และมีการเปลี่ยนกลุ่มการลงทุนจากหุ้นเติบโต (Growth) ไปยังกลุ่มที่เน้นคุณค่า (value) อย่างเช่น บริการสุขภาพ (Healthcare), อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภครวมถึงมีข่าวดีเรื่องข้อตกลงกำแพงภาษีของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าอีก 2 แห่งคือญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตามด้วยมูลค่าหุ้นที่ยืนในระดับสูง ทำให้ตลาดไม่ได้ปรับตัวขึ้นแรง อีกทั้งการเทขายสินทรัพย์ในสกุลดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันที่สำคัญที่ทำให้ดัชนีขึ้นได้ช้าลง
- 2. “ทรัมป์เผยข่าวดี ตกลงกำแพงภาษีกับญี่ปุ่นที่ 15% และ ฟิลิปปินส์ที่ 19%” สหรัฐฯ ลดกำแพงภาษีกับญี่ปุ่นลงเหลือ 15% จากเดิมที่ 25% โดยที่ญี่ปุ่นยอมเปิดรับรถยนต์และข้าวจากสหรัฐฯ รวมถึงรับปากว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 5.5 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนฟิลิปปินส์ได้กำแพงภาษีที่ 19% แลกกับการเปิดตลาดสินค้าสหรัฐฯ ด้วยอัตราภาษีที่ 0% หลังประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มากอส จูเนียร์ เดินทางเข้าพบกับทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเมื่อคืนนี้ ด้านราคาหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ ดัชนี Nikkei 225 เปิดตลาด +1.71% ส่วน TOPIX เปิดตลาด +1.87%
- 3. “บริษัทบริหารกองทุนชื่อดัง New Silk Road ปิดตัวลง ระบุนักลงทุนสหรัฐฯ เริ่มถอยจากเอเชีย” โดยกองทุนบริหารความเสี่ยง (Hedge Fund) ภายใต้การบริหารของบริษัทจะถูกปิดตัวลงทั้งหมด สาเหตุสำคัญมาจากการที่นักลงทุนสถาบันของสหรัฐฯ เริ่มถอนการลงทุนในตราสารทุนของเอเชีย เพราะความตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างประเทศ ทั้งนี้บริษัทเป็นหนึ่งในลงทุนกลุ่มแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนในจีน แต่ผลงานในระยะหลังกลับย่ำแย่ ทำให้มูลค่าสินทรัพย์จากเดิม 2 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 615 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
- 4. “รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุ ดีลการค้ากับจีนอาจเลื่อนออกไป ย้ำ Powell ยังควรอยู่ในตำแหน่ง” Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่าดีลการค้ากับจีนอาจถูกเลื่อนออกไปอีก โดยเขาจะเสนอกับทรัมป์ให้พิจารณา ภายหลังจากการหารือและเจรจาของทั้งสองประเทศที่กรุงสต็อกโฮล์มในสัปดาห์หน้า พร้อมกันนี้ยังระบุเพิ่มว่าเขายังไม่เห็นความจำเป็นที่ Powell ต้องลาออกในตอนนี้ โดยเป้าหมายของประธานธนาคารกลางคือการดำเนินนโยบายที่ไม่เกี่ยวกับการเงินให้เหมาะสม ส่วนนโยบายการเงินนั้นควรแยกเอาไว้ต่างหาก
- 5. “รัฐบาลอังกฤษ ประกาศอนุมัติโครงการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Sizewell C” โครงการดังกล่าวใช้เทคโนโลยี EPR ที่เป็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รุ่นที่ 3+ มีมูลค่ารวม 3.8 หมื่นล้านปอนด์ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 3,200 เมกกะวัตต์ รัฐบาลจะถือหุ้นในโรงไฟฟ้านี้ 45% ร่วมกับบริษัทอื่น ควบคู่ไปกับการสร้างโรงไฟฟ้า Hinkley Point C ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเท่ากันด้วย คาดจ่ายไฟฟ้าได้ในปี 2031 และอายุนาน 60 ปี จ่ายไฟฟ้าได้ 6 ล้านหลัง
|
|