Things you need to know
- 1. “ทรัมป์ประกาศกำแพงภาษีตอบโต้แคนาดา ก่อนเปลี่ยนใจในอีกไม่กี่ชั่วโมง” เมื่อคืนนี้หลังตลาดหุ้นเปิดทำการได้ไม่นาน ทรัมป์ประกาศว่าจะขึ้นภาษีแคนดาเหล็กและอะลูมิเนียมอีก 50% หลังรัฐออนทาริโอของแคนดาประกาศขึ้นภาษี 25% สำหรับไฟฟ้าที่ส่งให้กับสหรัฐฯ ก่อนที่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นทรัมป์จะเปลี่ยนใจไม่ขึ้นกำแพงภาษี หลังออนทาริโอหยุดการขึ้นภาษี 25% กับไฟฟ้าที่ส่งให้สหรัฐฯ ด้านตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนัก โดยดัชนี S&P 500 ปิดปรับตัวลดลง -0.76% มาอยู่ที่ 5,572.07 จุด แต่ระหว่างวันลงไปแตะระดับ 5,528.41 จุด
- 2. “นักวิเคราะห์เตือน ช่วงเวลาบาทแข็งจากทองคำพุ่งอาจไม่เป็นแบบนั้นแล้ว” นักวิเคราะห์จาก Bank of America, Goldman Sachs และ RBC เตือนว่าสถานการณ์บาทแข็งที่ขึ้นมาราว 1.2% จากการเป็นศูนย์กลางค้าทองคำในช่วงที่ผ่านมา กำลังจะหมดลง หลังสถานการณ์สงครามการค้าและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยกับสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับค่าเงินบาทหลังจากนี้ โดย Goldman Sachs ประเมินว่าจะอ่อนค่าแตะระดับ 35 บาทภายใน 3 เดือน และ 36 บาทภายในอีก 12 เดือน ด้าน RBC ประเมินว่าค่าเงินบาทจะอยู่ในกรอบ 32-37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
- 3. “รัฐบาลยูเครนส่งสัญญาณตอนรับข้อเสนอหยุดยิง 30 วันของสหรัฐฯ” การตอบรับข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวมาจากมาตรการบีบของสหรัฐฯ ที่ตัดความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดออก ซึ่งการหยุดยิงจะแลกมาด้วยการที่สหรัฐฯ กลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารกับยูเครนอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามรายงานข่าวของ Bloomberg ระบุว่าจากการเจรจารอบล่าสุด ฝั่งรัสเซียยืนยันที่จะไม่ยอมเรื่องดินแดน รวมถึงท่าทีเป็นกลาง (neutrality) ของยูเครน และยืนยันว่าต้องการให้ยูเครนทำตามข้อเรียกร้องทุกประการ
- 4. “อดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เตือน โอกาสเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยมีสูงถึง 50%” Larry Summers อดีตรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะถดถอย (recession) สูงถึง 50% ในปีนี้ จากปัจจัยนโยบายของทรัมป์ที่ไม่แน่นอน และทำลายการแข่งขันของสหรัฐฯ ในระยะยาว รวมทั้งยังเตือนด้วยว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อาจไม่ช่วยอะไรหากนโยบายทรัมป์ยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนหยุดการใช้จ่ายและลงทุน
- 5. “Hedge Fund ทั่วโลกเริ่มจ้างนักวิเคราะห์สภาวะอากาศ ค่าตัวแตะ 1 ล้านดอลลาร์” ในปัจจุบันกองทุนบริหารความเสี่ยงอย่าง Millennium, Squarepoint และ Jane Street จ้างนักวิเคราะห์สภาวะอากาศไว้เพื่อประเมินสถานการณ์ภาพรวมได้ดีขึ้นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมักซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร (เช่น ข้าวโพด กาแฟ ยางพารา) ที่สภาวะอากาศมีผลกับราคาสินค้าค่อนข้างมาก และค่าตัวนักวิเคราะห์สภาวะอากาศเหล่านี้สูงเฉียดปีละ 1 ล้านดอลลาร์ และเงินเดือนเพิ่มขึ้น 18% ในปีเดียว
|
|