Things you need to know
- 1. “หุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่ Dow Jones ติดลบจาก UnitedHealth” ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 39,142.23 จุด ลดลง -1.33%, ดัชนี S&P500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +0.13% ปิดที่ 5,282.70 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,286.45 จุด ลดลง -0.13% ถูกกดดันจากหุ้น UnitedHealth ที่เปิดเผยรายได้และกำไรที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1/2568 และได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2568 เนื่องจากคาดว่าต้นทุนทางการแพทย์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาหุ้น UNH ปรับตัวลงถึง -22.38% สวนทางกับหุ้น Eli Lilly ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยา พุ่งขึ้น 14.36% หลังเปิดเผยผลการทดลองพบว่า ยาของบริษัทได้ผลดีเทียบเท่ากับยา Ozempic ของ Novo Nordisk
- 2. “ทรัมป์ขู่ปลด พาวเวล ออกจากประธาน FED หากไม่ลดดอกเบี้ย” ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ใน Truth Social “พาวเวลลดอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไป โดยเขาควรปรับลดมานานแล้วเหมือนกับ ECBและเขาควรลดดอกเบี้ยในขณะนี้ การปลดนายพาวเวลไม่สามารถรอได้อีกต่อไป!” ข้อความนี้เกิดขึ้นหลังจากนายพาวเวลแสดงความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง และแสดงท่าทีของการไม่รีบเร่งลดดอกเบี้ย
- 3. “ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2024” โดย ECB's deposit facility rate ปรับลดลง 0.25% ไปอยู่ที่ 2.25% ตามคาด ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรง เสี่ยงฉุดเศรษฐกิจภูมิภาคให้ชะลอตัว ECB ได้ตัดคำว่า “คุมเข้ม” ออกจากแถลงการณ์ แต่ตลาดก็ยังคาดว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยต่อไปอีก ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นยุโรป STOXX 600 ปรับตัวลงเล็กน้อยปิดตลาดที่ระดับ 506.42 จุด ลดลง 0.67 จุด หรือ -0.13%
- 4. “เฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีภาคการผลิตต่ำคาด ขณะที่อัตราว่างงานเยาวชนในจีนลดลง” ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ -26.4 ในเดือนเม.ย. จากระดับ +12.5 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +3.5 บ่งชี้ภาวะหดตัว ได้รับผลกระทบจากตัวเลข New Orders ในอีกซีกโลกหนึ่ง สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยอัตราว่างงานเยาวชนลดลงแตะ 16.5% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน เป็นผลจากทางการจีนที่ออกแนวปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการจ้างงานให้นักศึกษาจบใหม่
- 5. “ผลสำรวจชี้นักลงทุนสหรัฐกว่าครึ่งไม่เชื่อมั่นตลาดหุ้นช่วง 6 เดือนข้างหน้า” ผลสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน หรือ AAII พบว่า 56.9% ไม่เชื่อมั่นในตลาด แต่มีจำนวนลดลงจากระดับ 58.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่นักลงทุน 17.7% มีมุมมองที่เป็นกลาง เพิ่มขึ้นจากระดับ 12.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว ผลสำรวจนี้น่าติดตาม ถ้านักลงทุนกลุ่มเป็นกลางมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเห็นการฟื้นตัวของตลาดได้
|
|